อาการปวดหรือชาที่มือและเท้าเป็นสิ่งที่หลายคนเคยประสบปัญหา บางครั้งอาจเกิดจากพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน แต่ในบางกรณีก็อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคที่เกี่ยวข้องกับเส้นประสาท
![[Translate to English:] [Translate to English:]](/fileadmin/_processed_/a/8/csm_feet02_c5f200ef51.jpg)
อาการปวดหรือชาที่มือและเท้าเป็นสิ่งที่หลายคนเคยประสบปัญหา บางครั้งอาจเกิดจากพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน แต่ในบางกรณีก็อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคที่เกี่ยวข้องกับเส้นประสาท
Page content
อาการปวดๆชาๆแบบไหนที่ไม่อันตราย
• การนั่งหรือนอนในท่าเดิมนานเกินไป ทำให้เส้นประสาทถูกกดทับ เลือดไหลเวียนไม่สะดวก
• การใช้กล้ามเนื้อซ้ำๆ เช่น พิมพ์งานหน้าคอมพิวเตอร์นานๆ การเดินมากเกินไป สามารถทำให้กล้ามเนื้ออักเสบได้
อาการเหล่านี้มักหายได้เองเมื่อเปลี่ยนท่าทาง หรือการได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอ
อาการแบบไหนที่ควรรีบพบแพทย์
• อาการปวดชาเรื้อรัง รู้สึกเหมือนมีเข็มทิ่ม ไฟช็อต แสบร้อน ยุบยิบเหมือนมดไต่ เป็นต้น
• อาการลามจากปลายมือปลายเท้าไปยังส่วนอื่นๆของร่างกาย
• มีอาการร่วม เช่น กล้ามเนื้ออ่อนแรง อาการที่รบกวนการนอนหลับ
• ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น ทำงานไม่ได้ หยิบจับของไม่ถนัด

อาการตะคริวคือการหดตัวอย่างทันทีทันใดและเจ็บปวดในบางส่วนของกล้ามเนื้อซึ่งเกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้นๆ และไม่สามารถหยุดได้ เมื่อกล้ามเนื้อน่องขนาดใหญ่ ด้านหลังของขาส่วนล่างเกิดการแข็งเกร็งอย่างเห็นได้ชัด หลังจากผ่านไปไม่กี่นาที อาการตะคริวจะคลายตัว แต่ความเจ็บปวดที่ยาวนานมักยังคงอยู่ กล้ามเนื้อที่ใช้งอนิ้วเท้า ซึ่งเชื่อมต่อกับด้านหลังของขาส่วนล่างเช่นกัน ก็มักได้รับผลกระทบด้วย หากอาการตะคริวเกิดขึ้นที่บริเวณใดบริเวณหนึ่ง ส่วนของกล้ามเนื้อนี้อาจมีแนวโน้มที่จะเกิดอาการตะคริวได้อีกโดยส่งผลให้บริเวณเดียวกันเกิดการหดตัวซ้ำๆ แม้ในช่วงเวลาที่ไม่มีอาการตะคริว ส่วนของกล้ามเนื้อนี้ยังคงแข็งเมื่อสัมผัสและไม่สามารถคลายตัวได้อย่างสมบูรณ์
สาเหตุของอาการตะคริวที่น่องอาจมีหลากหลายปัจจัย คือ
· การใช้กล้ามเนื้อมากเกินไป
· การขาดการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ
· ท่าทางของร่างกายที่ไม่ถูกสุขลักษณะ
· การสวมรองเท้าส้นสูง

• พบแพทย์และทานยาตามคำแนะนำของแพทย์
• พักผ่อนให้เพียงพอ ลดความเครียด
• ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
• ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
• งดแอลกอฮอล์
• พิจารณารับประทานวิตามินที่ช่วยบำรุงระบบประสาท
หากคุณมีอาการปวดชาที่เป็นเรื้อรังหรือมีอาการรุนแรงมากขึ้น ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงและเข้ารับการรักษาอย่างเหมาะสมต่อไป